บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด หนึ่งในสโมสรฟุตบอลที่ประสบความสำเร็จสูงสุดของไทยลีก มีบทบาทสำคัญในการยกระดับมาตรฐานฟุตบอลไทยตลอดทศวรรษที่ผ่านมา สโมสรเริ่มต้นในฐานะสโมสรการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคก่อนจะย้ายไปจังหวัดบุรีรัมย์ และสร้างฐานแฟนบอลเหนียวแน่น

Diogo-Luis-Santo-in-2015-scored-a-new-goal-record

ดิโอโก้ หลุยส์ ซานโต้ ทำสถิติดาวซัลโวยิง 33 ประตูในไทยลีกฤดูกาล 2015 ภายใต้สีเสื้อบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ซึ่งช่วยให้ทีมคว้าแชมป์ควอดรูเพิลและฤดูกาลไร้พ่าย

จุดเริ่มต้นของตำนาน จาก PEA สู่ Buriram United

การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในปี 2010

เดิมทีสโมสรแห่งนี้ก่อตั้งในชื่อ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA FC) ก่อนจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในปี 2010 เมื่อเนวิน ชิดชอบ เข้ามาบริหารสโมสรและย้ายฐานไปยังจังหวัดบุรีรัมย์ ก่อนจะเปลี่ยนชื่อเป็น บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ในปี 2012 พร้อมพัฒนาสนามเหย้า “ช้างอารีนา” และยกระดับสโมสรสู่มาตรฐานสากล

ยุคควอดรูเพิล (2013–2015) สร้างจักรวรรดิฟุตบอลไทย

ฤดูกาล 2014 ภายใต้การคุมทีมของ อาเลฮานโดร เมเนนเดซ การ์เซีย บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เป็นสโมสรไทยรายแรกที่คว้า 4 ถ้วยรางวัล ในปีเดียว ได้แก่ ถ้วยพระราชทาน ก., ไทยลีก, เอฟเอคัพ และลีกคัพ อีกทั้งยังจบฤดูกาลในฐานะแชมป์ไร้พ่าย เป็นสโมสรไทยที่สองที่ทำได้

ปี 2015 สโมสรแต่งตั้ง อเล็กซานเดร กาม่า เป็นกุนซือและยังคงความสำเร็จต่อเนื่อง โดยกวาดถ้วย ถ้วยพระราชทาน ก., ไทยพรีเมียร์ลีก, เอฟเอคัพ, ลีกคัพ และยังคว้าแชมป์ Mekong Club Championship เพิ่มอีกหนึ่งรายการ

ดาวยิง ดิโอโก้ หลุยส์ ซานโต้ ยิง 33 ประตูจาก 32 นัดในไทยลีก 2015 เป็นสถิติใหม่ และได้รับรางวัลดาวซัลโวและนักเตะยอดเยี่ยมประจำปี ขณะที่ ธีราทร บุญมาทัน ทำ 19 แอสซิสต์จากตำแหน่งแบ็กซ้ายความสำเร็จนี้ทำให้บุรีรัมย์ถูกยกย่องว่าเป็นสโมสรยักษ์ใหญ่ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

Masatada-Ishii-the-coach-who-led-the-team-to-the-Double-Treble

มาซาทาดะ อิชิอิ โค้ชชาวญี่ปุ่นของบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่นำทีมคว้าแชมป์ไทยลีก, เอฟเอคัพ และลีกคัพ สองฤดูกาลต่อเนื่อง (2021–22 และ 2022–23) สร้างประวัติศาสตร์ใหม่ในฟุตบอลไทย

ยุคการกลับมาและการสร้างสถิติใหม่

หลังจากช่วงปี 2016 ที่ฟอร์มตกลง สโมสรปรับเปลี่ยนผู้ฝึกสอนหลายครั้ง แต่ยังสามารถกลับมาคว้าแชมป์ไทยลีกในปี 2017 ด้วยคะแนนสูงสุด 86 คะแนน และป้องกันแชมป์ได้ในปี 2018 พร้อมทำสถิติ 87 คะแนน

ในยุค มาซาทาดะ อิชิอิ (2021–2023) บุรีรัมย์คว้า “เทรเบิล” ติดต่อกันสองฤดูกาล ทั้งลีก, เอฟเอคัพ และลีกคัพ ความสำเร็จดังกล่าวไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในฟุตบอลไทย เป็นหลักฐานถึงโครงสร้างการบริหารและการพัฒนานักเตะที่ดีของสโมสร

Suphanat-Muen-at-and-Martin-Boakye-celebrate-9-0-victory

บรรยากาศหลังเกมที่ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ถล่มขอนแก่น ยูไนเต็ด 9‑0 โดยมีผู้เล่นเด่นอย่าง สุภนัต หมื่นอาจ และ มาร์ติน โบอาคเย ทำแฮตทริกคว้าชัยอย่างราบคาบ

ยุคใหม่และการเสริมทัพ (2024–ปัจจุบัน)

ในฤดูกาล 2024–25 สโมสรเข้าสู่ยุคใหม่ด้วยการเสริมทัพนักเตะต่างชาติที่มีประสบการณ์ เช่น ผู้รักษาประตูทีมชาติฟิลิปปินส์ นีล เอเธอริดจ์, กองหลังชาวออสเตรเลีย Curtis Good และดาวเตะชาวออสเตรีย โรเบิร์ต ซูลจ์ พวกเขายังยกระดับผลงานด้วยชัยชนะขาดลอยในไทยลีก เช่น ถล่มเชียงราย ยูไนเต็ด 8‑0 เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2025 และชนะขอนแก่น ยูไนเต็ด 9‑0 สี่วันถัดมาจน สุภนัต หมื่นอาจ และ มาร์ติน โบอาคเย ทำแฮตทริกในเกมเดียว

การคว้าชัยแบบมโหฬารเหล่านี้ไม่เพียงสร้างความบันเทิงให้แฟนบอล แต่ยังตอกย้ำว่าบุรีรัมย์ยังคงเป็นทีมที่คู่แข่งทุกทีมต้องเกรงกลัว และกำลังเตรียมตัวสำหรับการแข่งขันระดับทวีปใน AFC Champions League Elite และ ASEAN Club Championship ฤดูกาล 2024–25

บทสรุป บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ตำนานที่ยังเขียนไม่จบ

บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ไม่ได้เป็นเพียงสโมสรฟุตบอล แต่คือ สัญลักษณ์ของการบริหารจัดการสมัยใหม่ การพัฒนาเยาวชนอย่างเป็นระบบ และการตั้งเป้าหมายระดับภูมิภาคอย่างมั่นคง ความสำเร็จที่ผ่านมาคือก้าวแรกของการเดินทางที่ยังไม่สิ้นสุด