มหกรรมวอลเลย์บอลหญิงประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือที่รู้จักกันในชื่อ “SEA V.League” (ซึ่งในปีนี้ได้รับการสนับสนุนจาก BYD) ได้เดินทางมาถึงปีที่ 5 ของการจัดการแข่งขัน และในปี 2025 นี้ ถือเป็นปีแห่งประวัติศาสตร์อันสำคัญยิ่ง ด้วยการได้รับการรับรองจากสหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติ (FIVB) อย่างเป็นทางการ ให้การแข่งขันรายการนี้มีผลต่อการจัดอันดับโลก (World Ranking) เป็นปีแรก! นี่คือการยกระดับมาตรฐานของวอลเลย์บอลในภูมิภาคอย่างแท้จริง และทำให้ทุกแต้มที่เกิดขึ้นในสังเวียนแห่งนี้มีความหมายมากกว่าที่เคย

Thai-female-volleyball-players-gather-after-the-match-against-Vietnam-in-the-SEA-V.League

นักกีฬาวอลเลย์บอลหญิงไทยรวมกลุ่มหลังการแข่งขันกับเวียดนามใน SEA V.League

ที่มาของการแข่งขัน SEA V.League จุดเริ่มต้นแห่งศักดิ์ศรีอาเซียน

SEA V.League มีจุดเริ่มต้นจากแนวคิดที่ต้องการยกระดับมาตรฐานและสร้างเวทีการแข่งขันที่แข็งแกร่งให้กับทีมวอลเลย์บอลหญิงในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นอกเหนือจากมหกรรมกีฬาซีเกมส์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้นักกีฬาได้มีโอกาสแข่งขันในระดับสูงอย่างสม่ำเสมอ พัฒนาทักษะและประสบการณ์ รวมถึงสร้างความนิยมให้กับกีฬาวอลเลย์บอลในกลุ่มประเทศอาเซียน การจัดการแข่งขันแบ่งเป็น 2 สนามในแต่ละปี โดยสลับประเทศเจ้าภาพกันไป เพื่อให้แต่ละชาติได้มีโอกาสแสดงศักยภาพในการเป็นเจ้าภาพและรับแรงสนับสนุนจากแฟนๆ ในบ้านเกิด ซึ่งตลอด 4 ปีที่ผ่านมา รายการนี้ได้กลายเป็นเวทีสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าของวอลเลย์บอลหญิงในอาเซียน โดยเฉพาะประเทศไทยและเวียดนามที่มักจะขับเคี่ยวกันอย่างดุเดือด

ผลงานอันโดดเด่นของทีมชาติไทยใน SEA V.League ที่ผ่านมา

นับตั้งแต่มีการจัดการแข่งขัน SEA V.League ขึ้นมา ทีมวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทยได้แสดงให้เห็นถึงความเป็นมหาอำนาจลูกยางแห่งอาเซียนอย่างแท้จริง โดยมีผลงานที่ดีที่สุดคือการคว้าแชมป์มาครองได้ทุกครั้งที่จัดการแข่งขัน ไม่ว่าจะในรูปแบบใดก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นแชมป์สนาม หรือแชมป์รวมทั้ง 2 สนาม ซึ่งตอกย้ำถึงความแข็งแกร่งและความเหนือชั้นของนักตบสาวไทยในระดับภูมิภาค การรักษาแชมป์ไว้ได้อย่างต่อเนื่องคือบทพิสูจน์ถึงความสม่ำเสมอและความมุ่งมั่นของทีม แม้ว่าบางปีอาจมีการหมุนเวียนผู้เล่นเพื่อเปิดโอกาสให้นักกีฬาดาวรุ่งได้ลงสนาม แต่มาตรฐานการเล่นของทีมไทยก็ยังคงอยู่ในระดับสูงเสมอ

มหกรรมปี 2025 สองสนามสุดเดือด พร้อมลุ้นแต้มอันดับโลก

สำหรับการแข่งขัน “5th SEA BYD V.League 2025″ นี้ จะจัดขึ้นใน 2 สนาม ได้แก่

  • สนามแรก: ประเทศไทย – ศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 โคราช จังหวัดนครราชสีมา
    • วันที่: 1–3 สิงหาคม 2568
    • คู่แข่งขัน: ไทย, เวียดนาม, อินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์
  • สนามที่สอง: เวียดนาม – นินห์บิ๋ญ ประเทศเวียดนาม
    • วันที่: 8–10 สิงหาคม 2568
    • คู่แข่งขัน: ไทย, เวียดนาม, อินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์

การที่ประเทศไทยได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพสนามแรก ถือเป็นโอกาสทองที่นักตบสาวไทยจะได้ลงสนามในบ้านต่อหน้าแฟนๆ และสร้างผลงานที่ดีเพื่อเก็บแต้มอันดับโลกอันล้ำค่า ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการจัดอันดับเพื่อเป้าหมายในอนาคต เช่น การควอลิฟายไปแข่งขันรายการใหญ่ๆ

The-Thai-womens-volleyball-team-blocked-a-spike-from-Vietnam-in-the-SEA-V.League-match-with-all-their-might

วอลเลย์บอลหญิงไทยบล็อกลูกตบจากเวียดนามในแมตช์ SEA V.League อย่างเต็มกำลัง

โปรแกรมการแข่งขันที่น่าจับตา

สนามแรก (ประเทศไทย – Terminal 21 โคราช)

  • ศุกร์ 1 ส.ค. 13:15 น. เวียดนาม vs อินโดนีเซีย / 16:45 น. ไทย vs ฟิลิปปินส์
  • เสาร์ 2 ส.ค. 13:15 น. เวียดนาม vs ฟิลิปปินส์ / 16:45 น. ไทย vs อินโดนีเซีย
  • อาทิตย์ 3 ส.ค. 13:15 น. อินโดนีเซีย vs ฟิลิปปินส์ / 16:45 น. ไทย vs เวียดนาม

สนามที่สอง (เวียดนาม – นินห์บิ๋ญ)

  • ศุกร์ 8 ส.ค. 15:45 น. อินโดนีเซีย vs ไทย / 18:45 น. เวียดนาม vs ฟิลิปปินส์
  • เสาร์ 9 ส.ค. 15:45 น. อินโดนีเซีย vs เวียดนาม / 18:45 น. ไทย vs ฟิลิปปินส์
  • อาทิตย์ 10 ส.ค. 15:45 น. ฟิลิปปินส์ vs อินโดนีเซีย / 18:45 น. ไทย vs เวียดนาม

SEA V.League 2025: ยกระดับอาเซียน สู่เวทีวอลเลย์บอลโลก

“5th SEA BYD V.League 2025” คือมากกว่าแค่การแข่งขันวอลเลย์บอลประจำปี แต่มันคือหมุดหมายสำคัญที่ยกระดับมาตรฐานของวอลเลย์บอลในภูมิภาคอาเซียนไปอีกขั้น ด้วยการที่คะแนนมีผลต่ออันดับโลกอย่างเป็นทางการ ทีมชาติไทยในฐานะเจ้าภาพสนามแรกและแชมป์เก่าทุกสมัย ย่อมมีความมุ่งมั่นที่จะรักษาแชมป์ไว้ในบ้าน และเก็บเกี่ยวแต้มอันดับโลกให้ได้มากที่สุด เพื่อสร้างความได้เปรียบในการก้าวไปสู่การแข่งขันระดับที่สูงขึ้นในอนาคต แฟนลูกยางชาวไทยเตรียมพร้อมส่งแรงใจเชียร์นักตบสาวไทยให้เต็มที่ ทั้งในบ้านที่โคราช และเมื่อพวกเธอเดินทางไปสู้ต่อที่เวียดนาม เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์และฉลองความสำเร็จของทีมชาติไทยในศึกครั้งนี้