วอลเลย์บอลหญิงชิงแชมป์โลก (FIVB Volleyball Women’s World Championship) ถือเป็นหนึ่งในเวทีการแข่งขันที่ทรงเกียรติที่สุดในวงการกีฬาระดับนานาชาติ มีความสำคัญเป็นรองเพียงมหกรรมกีฬาโอลิมปิก ด้วยมาตรฐานการแข่งขันที่สูงและการรวบรวมทีมชั้นนำจากทั่วโลกมาแข่งขันกันในรูปแบบที่แฟนกีฬาต่างตั้งตารอคอย

ภาพนักวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทยทั้งทีม ยืนเรียงแถวเคารพธงชาติในสนามแข่งขัน
ประวัติและความสำคัญของการแข่งขัน
รายการนี้เริ่มต้นขึ้นในปี 1952 ที่กรุงมอสโก สหภาพโซเวียต เกิดขึ้นจากแนวคิดที่จะสร้างเวทีเฉพาะสำหรับนักกีฬาวอลเลย์บอลหญิง หลังจากที่ฝ่ายชายจัดการแข่งขันชิงแชมป์โลกไปแล้ว 3 ปี การแข่งขันครั้งแรกมีเพียง 8 ทีม และใช้ระบบ พบกันหมด (round-robin) ซึ่งสหภาพโซเวียตในฐานะเจ้าภาพก็โชว์ความแข็งแกร่งคว้าแชมป์ไปครองทันที และยังสามารถครองบัลลังก์ต่อเนื่องอีก 2 ครั้ง (1956, 1960)
ความสำเร็จนี้ทำให้การแข่งขันเริ่มได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ และกลายเป็นหนึ่งในมหกรรมกีฬาที่สื่อมวลชนทั่วโลกให้ความสำคัญอย่างยิ่ง
พัฒนาการและการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการแข่งขัน
- ตั้งแต่ปี 1970 กำหนดให้จัดแข่งขันทุก 4 ปี เพื่อให้มีระยะเวลาเตรียมทีมและพัฒนาศักยภาพนักกีฬา
- ปี 1978 เพิ่มรอบสุดท้าย (Final Round) เพื่อสร้างความตื่นเต้นและเปิดโอกาสให้ทีมที่มีฟอร์มดีในรอบแรกได้ลุ้นเข้าชิง
- ช่วงทศวรรษ 1980–1990 จำนวนทีมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจนแตะกว่า 20 ทีม ก่อนจะปรับเหลือ 16 ทีมเพื่อให้การแข่งขันกระชับขึ้น
- ปี 2002 ขยายเป็น 24 ทีม (เจ้าภาพคือเยอรมนี) ทำให้ทีมจากทวีปต่าง ๆ มีโอกาสเข้ามาโชว์ฝีมือมากขึ้น
- ปี 2022 ปรับรอบการแข่งขันจากทุก 4 ปี เหลือทุก 2 ปี เพื่อกระตุ้นความนิยมและความต่อเนื่อง โดยในปีนี้ เนเธอร์แลนด์และโปแลนด์ทำหน้าที่เป็นเจ้าภาพร่วม ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่มีเจ้าภาพสองชาติในรายการนี้
การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้สะท้อนถึงความพยายามของ FIVB ในการปรับตัวให้เข้ากับกระแสโลก และสร้างโอกาสให้ประเทศต่าง ๆ ได้มีเวทีแสดงศักยภาพของนักกีฬา
ชาติผู้ครองแชมป์และเจ้าภาพสำคัญ
การแข่งขันตลอดกว่า 70 ปีที่ผ่านมา ได้สร้างตำนานให้กับหลายชาติ
- สหภาพโซเวียต แชมป์มากที่สุด 5 สมัย ด้วยความแข็งแกร่งทั้งร่างกายและแท็กติก
- ญี่ปุ่น, คิวบา ครองแชมป์ชาติละ 3 สมัย ญี่ปุ่นเด่นด้านความรวดเร็วและวินัย ส่วนคิวบามีชื่อเสียงเรื่องพลังการตบที่ทรงพลัง
- จีน, รัสเซีย, เซอร์เบีย ครองแชมป์ชาติละ 2 สมัย โดยจีนสร้างชื่อในยุค 80s ส่วนเซอร์เบียโดดเด่นในยุค 2010s
- อิตาลี, สหรัฐอเมริกา ครองแชมป์ชาติละ 1 สมัย
ด้านเจ้าภาพ ญี่ปุ่นครองสถิติสูงสุด 5 ครั้ง (1967, 1998, 2006, 2010, 2018) เพราะมีระบบการจัดการและแฟนกีฬาที่ให้การสนับสนุนอย่างล้นหลาม

ภาพบรรยากาศสนามแข่งขัน Indoor Stadium Huamark
เส้นทางทีมชาติไทยในศึกชิงแชมป์โลก
ทีมวอลเลย์บอลหญิงไทยเริ่มต้นเข้าสู่เวทีนี้ในปี 1998 และนับถึงก่อนปี 2025 ได้เข้าร่วมมาแล้ว 6 ครั้ง (1998, 2002, 2010, 2014, 2018, 2022)
ผลงานที่ดีที่สุดเกิดขึ้นในปี 2018 ซึ่งทีมไทยสามารถทำอันดับได้ที่ 13 จาก 24 ทีม ด้วยสไตล์การเล่นที่ผสมผสานความเร็ว ความแม่นยำ และการเล่นเป็นทีมอย่างยอดเยี่ยม สร้างความประทับใจให้แฟนกีฬาทั่วโลก
แม้ยังไม่สามารถทะลุเข้าสู่รอบลึก ๆ ได้ แต่ประสบการณ์เหล่านี้ได้ช่วยพัฒนาศักยภาพทีมและสร้างฐานแฟนคลับที่แข็งแกร่ง
ปี 2025 ไทยเป็นเจ้าภาพครั้งแรกในประวัติศาสตร์
การแข่งขันปี 2025 จะเป็นครั้งที่ 20 และนับเป็นครั้งแรกที่ประเทศไทยได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพ ระหว่างวันที่ 22 สิงหาคม – 7 กันยายน 2025 โดยมีการกระจายการแข่งขันใน 4 จังหวัดใหญ่ ได้แก่
- เชียงใหม่ – ศูนย์กลางการแข่งขันภาคเหนือ
- นครราชสีมา – เมืองกีฬาที่คุ้นเคยกับการจัดวอลเลย์บอลระดับนานาชาติ
- ภูเก็ต – ดึงดูดนักท่องเที่ยวและแฟนกีฬาจากทั่วโลก
- กรุงเทพมหานคร – เมืองหลวงและศูนย์กลางพิธีเปิด–ปิด
ความพิเศษคือจะมีทีมเข้าร่วมมากถึง 32 ชาติ แบ่งออกเป็น 8 กลุ่ม กลุ่มละ 4 ทีม ทำให้การแข่งขันเข้มข้นตั้งแต่รอบแรก
การเป็นเจ้าภาพครั้งนี้ไม่เพียงสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับประเทศไทยในเวทีโลก แต่ยังเป็นแรงบันดาลใจให้เยาวชนหันมาสนใจกีฬาวอลเลย์บอลมากขึ้น และเป็นโอกาสพัฒนามาตรฐานการแข่งขันภายในประเทศให้สูงขึ้น
สรุป
จากจุดเริ่มต้นในปี 1952 จนถึงปัจจุบัน วอลเลย์บอลหญิงชิงแชมป์โลกได้พัฒนาจนกลายเป็นมหกรรมกีฬาที่มีทั้งความยิ่งใหญ่และคุณค่าทางประวัติศาสตร์ สหภาพโซเวียตครองแชมป์มากที่สุด ส่วนญี่ปุ่นเป็นเจ้าภาพมากที่สุด ทีมชาติไทยแม้จะยังไม่ติดกลุ่มท็อปของโลก แต่ก็พัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง และปี 2025 จะเป็นเวทีที่ไทยได้แสดงศักยภาพในฐานะเจ้าภาพครั้งแรก ซึ่งอาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของวงการวอลเลย์บอลไทย