โทมัส ทูเคิ่ล จากบาร์เทนเดอร์จนมาเป็นยอดกุนซือฟุตบอลในยุโรปได้อย่างไร?
เส้นทางชีวิตของผู้จัดการทีมฟุตบอลที่แฟนฟุตบอลบางท่านอาจจะได้เคยรู้มาบ้างแล้ว ชายผู้นี้ก็คือ โทมัส ทูเคิ่ล (Thomas Tuchel) ยอดผู้จัดการที่นำทีมสิงโตน้ำเงินคราม เชลซี สู่การเป็นแชมป์ยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีกในฤดูกาล 2020-2021 กุนซือชาวเยอรมันฮีโร่ที่ใช้เวลาเพียง 4 เดือน พลิกฟื้นทีมจากกลางตารางมาสู่การเป็นทีมแชมป์ยุโรปได้อย่างน่าทึ่ง
โทมัส ทูเคิ่ล เคยเป็นนักฟุตบอลอาชีพมาก่อนในตำแหน่งกองกลาง แต่เส้นทางในการเป็นนักฟุตบอลอาชีพของเขา ต้องบอกเลยครับว่าไม่ค่อยสวยหรูสักเท่าไหร่ โทมัส เคยค้าแข้งให้กับ 2 สโมสรในประเทศเยอรมันนั่นก็คือ สโมสรสตุ๊ดการ์ด คิกเกอร์ และ สโมสรอูล์ม แต่โชคร้ายมากๆที่เค้าต้องประสบปัญหาการบาดเจ็บเรื้อรังที่หัวเข่า และต้องจบเส้นทางในการค้าแข้งฟุตบอลไปตั้งแต่อายุ 25 ปี ชีวิตต้องพลิกผันเป็นอย่างมาก รายได้ที่เคยได้รับจากการค้าแข้งอาชีพก็ต้องนำไปรักษาอาการบาดเจ็บของตัวเองไปจนแทบไม่เหลือ อีกทั้งตัวเค้าเองนั้น ก็ยังต้องการที่จะศึกษาเรียนรู้ในเรื่องศาสตร์ของฟุตบอลให้มากยิ่งๆขึ้น ด้วยความที่เป็นคนสู้ชีวิตและไม่ย่อท้อต่อโชคชะตาของเขา จากเงินที่แทบไม่เหลือในบัญชีจึงไปสมัครเป็นพนักงานในบาร์ชื่อ “Radio Bar” ในสตุ๊ดการ์ดและทำงานเป็นบาร์เทนเดอร์อยู่ที่นั่นเป็นระยะเวลา 2 ปี การทำงานในบาร์ของโทมัสทำให้ตัดขาดจากโลกของฟุตบอล แต่เขากลับค้นพบตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆจากที่นั่น มันทำให้เขากล้าที่จะเผชิญหน้ากับคนแปลกหน้าและเรียนรู้การรับมือจากหลายๆสิ่งได้ดียิ่งขึ้น จากความพากเพียรและพยายามของโทมัสจนทำให้เค้าศึกษาเรียนรู้ศาสตร์ในโลกฟุตบอลจนแตกฐาน จนกระทั่งได้รับใบอนุญาตและผันตัวเองไปเป็นผู้ฝึกสอนนักฟุตบอลในที่สุด
สโมสรฟุตบอลในเยอรมันแห่งแรกที่ให้โอกาส โทมัส ทูเคิ่ล ไปเป็นผู้จัดการทีมก็คือ สโมสรฟุตบอลเอาก์สบวร์ก (FC Augsburg) สโมสรที่ตัวเค้าเองเคยเป็นนักเตะเยาวชนมาก่อน
หลังจากนั้นไม่นานก็ได้ไปคุมทีม ไมนซ์ 05 (Fußball- und Sportverein Mainz 05 e. V. ) เป็นระยะเวลาอยู่ถึง 5 ฤดูกาลด้วยกัน และได้ไปคุมทีม โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ (Borussia Dortmund) ในปี 2015
หลายๆคนที่เป็นแฟนบอล อาจจะรู้สึกแปลกใจว่าทำไมเส้นทางการคุมทีมของ โทมัส ทูเคิ่ล ช่างไปละม้ายคล้ายคลึงกับ ยอดผู้จัดการทีมชาวเยอรมันอีกผู้หนึ่งนั่นก็คือ เจอร์เก้น คล็อป นั่นเอง ซึ่งตัวเค้าเองนั้นก็เคยยอมรับว่า ตัวเค้าเองนั้นชื่นชอบและมี เจอร์เก้น คล็อป เป็นแบบอย่างในการทำงาน ในการคุมทีมทั้ง 3 สโมสรในเยอรมัน บรรดาลูกทีมและผู้ร่วมงานทั้งหลาย จะรับรู้กันว่า โทมัส เป็นคนที่สามารถระเบิดอารมณ์ได้ตลอดเวลา แต่ก็มีเหตุการณ์หนึ่งที่ทำให้ตัวเค้าได้เปลี่ยนแปลงไป นั่นก็คือเหตุการณ์ที่ได้มีคนแอบวางระเบิดรถบัสของทีมดอร์ทมุนด์ ก่อนเกมส์การแข่งขันฟุตบอล ยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีกรอบ 8 ทีมสุดท้ายกับทีมโมนาโก ในปี 2017 ถึงแม้ว่าตัว โทมัส ทูเคิ่ล จะไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่หลังจากจบเรื่องนี้เหมือนทำให้ตัวโทมัส เป็นคนที่ต้องเก็บอารมณ์ของตัวเองไว้ภายใน เพราะเหมือนไม่อยากให้ใครรู้ว่าตัวเค้าเองนั้นรู้สึกอย่างไร เปลี่ยนไปเป็นคนที่สุขุม เงียบขรึมมากขึ้นกว่าที่เคยเป็น
หลังจากที่คุมสโมสรในเยอรมันมาหลายปี ก็ได้รับโอกาสให้ไปคุมทีมสโมสร ปารีส แช็งส์-แฌร์แม็ง (Paris Saint-Germain F.C.) ทีมฟุตบอลชั้นนำของลีกเอิงฝรั่งเศส ได้ประมาณ 2 ปีครึ่ง ผลงานการทำทีมของเค้าในระยะ 2 ปีแรกนั้น ดีเอามากๆ สามารถทำทีมเข้าไปสู้รอบชิงชนะเลิศ ยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีก ในปี 2019-2020 แต่ก็ตกเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ให้กับทีม บาเยิร์น มิวนิค (FC Bayern Munich) ซิวแชมป์ไปในคราวนั้น จนในฤดูกาลถัดมาผลงานการทำทีมของเค้าก็เริ่มที่จะถดถอยลง และโดนสโมสร ปารีส แช็ง-แฌร์แม็ง ปลดออกจากการเป็นผู้จัดการทีม
แต่หลังจากตกงานได้ไม่นาน ก็ได้รับโอกาสมาพิสูจน์ฝีมือตัวเองอีกครั้ง หลังจากที่สโมสรเชลซีทีมชั้นนำในเกาะอังกฤษได้ปลดกุนซือของทีม แฟร็งค์ แล็มพาร์ด ออกไป ตัวเค้าเองนั้นยังได้ชื่อว่าเป็นผู้จัดการทีมชาวเยอรมัน คนแรกที่ได้เข้ามาคุมสโมสรแห่งนี้ การได้เข้ามาคุมทีมเชลซี โทมัส ได้มาเจอกับลูกทีมเก่าสมัยอยู่ดอร์ทมุนด์ 2 คน และได้ร่วมงานกับนักเตะที่เค้าชื่นชอบอย่าง เอ็นโกโล ก็องเต้ ในระยะเวลาไม่ถึงครึ่งฤดูกาล โทมัส ทูเคิ่ล ได้พาทีมเชลซี เก็บชัยชนะไปทั้งหมด 14 เกมส์ติดต่อกัน จากที่เคยอยู่ในตำแหน่งที่ 9 ของตาราง พุ่งทะยานไปสู่อันดับ 4 ของตารางถือว่าเป็นเหตุการณ์ที่เหลือเชื่อมากๆในตอนนั้น จากนั้นก็พาทีมสิงโตน้ำเงินคราม เชลซี เอาชนะ ทีมราชันชุดขาว รีล มาดริด ในรอบรองยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีก เข้าไปรอชิงชนะเลิศกลายเป็นผู้จัดการทีมที่ทำทีมเข้าชิงชนะเลิศถ้วยหูใหญ่ 2 ปีติดต่อกันจาก 2 สโมสร ในนัดชิงชนะเลิศ หลายๆคนมักพูดว่าชัยชนะน่าจะตกเป็นของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แต่ตัวเค้าก็วางแผนจนทีมสามารถเอาชนะและครองแชมป์มาได้สำเร็จ ในระยะเวลาการทำทีมเพียงแค่ 4 เดือนเท่านั้น
ไม่อยากจะเชื่อว่า จากคนที่เคยทำงานในบาร์ในวันนั้น ไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา บากบั่นฝ่าฟัน จนวันนึงเค้าได้กลับมาทำงานในฐานะผู้จัดการทีมชั้นนำคนนึงของโลกลูกหนัง คงต้องติดตามดูกันต่อไปครับว่า ผู้จัดการทีมชาวเยอรมันผู้นี้จะสามารถผลักดันตัวเอง ไปอยู่ในจุดไหนของประวัติศาสตร์โลกฟุตบอล
แชมป์ที่ใช้เวลาคุมทีมเพียง 4 เดือนของ โทมัส ทูเคิ่ล
ปรัชญาในการทำสร้างทีมฟุตบอลให้ประสบความสำเร็จย่อมต้องใช้เวลาที่เป็นวลีสุดคลาสสิคมาเนิ่นนาน ยกตัวอย่าง เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ผู้จัดการทีมที่ยิ่งใหญ่ของทีมปีศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็ยังต้องใช้เวลาถึง 4 ปีในการหาแชมป์แรกของเค้า และใช้เวลา 7 ปีในการได้แชมป์พรีเมียร์ลีก หลังจากนั้นก็ตามมาด้วยแชมป์อื่นๆอีกมากมาย จนเป็นทีมที่ครองแชมป์พรีเมียร์ลีกมากที่สุดในเกาะอังกฤษ หรือถ้าในปัจจุบัน เจอร์เก้น คล็อปป์ ก็ต้องใช้เวลาถึง 4 ปีในการสร้างทีมหงส์แดง ลิเวอร์พูล ได้ครองถ้วยยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีก ต่อจากนั้นอีกเพียงปีเดียว ก็ได้ครองแชมป์พรีเมียร์ลีก ได้เป็นผลสำเร็จหลังจากที่รอคอยมานาน แต่ปรัชญาของบางทีม ก็ไม่ได้เป็นเช่นนั้น เจ้าของทีมบางสโมสรไม่มีเวลาอดทน ในการให้เวลามาก ซึ่งหนึ่งทีมดังกล่าวนั้น ก็คือ ทีมสิงโตน้ำเงินคราม เชลซี ทีมชั้นนำในพรีเมียร์ลีกของอังกฤษ เพราะนับตั้งแต่มหาเศรษฐีชาวรัสเซีย โรมัน อับราโมวิช เข้ามาเป็นเจ้าของสโมสร ผู้จัดการทีม ที่เข้ามาทำทีมเชลซี ส่วนใหญ่จะอยู่ทำทีมได้ไม่เกิน 2 ปี จะมีก็เพียง โจเซ่ มูรินโญ่ เพียงคนเดียว ที่ทำทีมอยู่ได้นาน เกือบ 3 ฤดูกาล
ก็ไม่ทราบเหตุผลว่าทำไม โทมัส ทูเคิ่ล ถึงได้ยอมรับงานมาคุมทีมเชลซี ทั้งๆที่รู้อยู่ว่า คนอย่างเสี่ยหมี อับราโมวิช เป็นคนที่มีความอดทนในการรอคอยความสำเร็จต่ำมากคนนึง ในการที่จะต้องมาปรับเปลี่ยนทีมที่ แฟรงค์ แลมพาร์ด สร้างทิ้งไว้ และความคาดหวังของทีม ที่จะต้องได้ตำแหน่งในการไปเล่นในถ้วย ยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีก เป็นอย่างน้อย อีกทั้งไม่สามารถที่จะซื้อนักเตะใหม่เข้ามาสู่ทีมได้ เพราะเลยช่วงเวลา การซื้อขายนักเตะไปแล้ว ทำให้ ทูเคิ่ล จะต้องใช้นักเตะเดิมที่มีอยู่เท่านั้น ปัญหาอื่นๆ ก็ยังมีอีกมากมาย
โจทย์แต่ละข้อก็โคตรยาก เพราะในขณะนั้น ทีมเชลซีมีผลงานค่อนข้างกระท่อนกระแท่น รั้งอยู่ในอันดับที่ 9 ของพรีเมียร์ลีก ส่วนในถ้วย ยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีก ก็ต้องไปเจอกับทีม แอตเลติโก มาดริด (Club Atlético de Madrid) ทีมจ่าฝูงของลาลีกาสเปน แต่กุนซืออย่างโทมัส ทูเคิ่ล ก็เข้ามาแก้ไขปัญหาทีละเปาะ โดยอันดับแรกที่เห็นได้ชัดก็คือ การปรับเปลี่ยนระบบการเล่น ของกองหลังของทีม เปลี่ยนไปเล่นเป็นการใช้ระบบเซ็นเตอร์ 3 ตัว ซึ่งนั่นก็เป็นระบบเดิมที่เค้าเคยใช้ในสมัยคุมทีม ปารีส แช็ง-แฌร์แม็ง มาก่อน ทำให้ทีมเสียประตูได้น้อยลง การใช้จิตวิทยากระตุ้นลูกทีม ให้มีการตื่นตัวอยู่เสมอ ถ้าทำผลงานไม่ดีก็จะหลุดจากตำแหน่งตัวจริงของทีมไปนั่งสำรองโดยทันที
แรกๆหลายคน ก็ยังมีข้อสงสัยในระบบการทำทีมของ ทูเคิ่ล แต่หลังจากนั้น ทุกๆคนก็เริ่มที่จะเห็นการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น ทีมเชลซีภายใต้การคุมทีมของ ทูเคิ่ล ได้รับชัยชนะในทุกรายการ ที่ลงแข่งทั้งสิ้น 14 นัดติดต่อกัน จนทีมขึ้นไปอยู่ในอันดับติดท็อป 4 และผลงานในถ้วยยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีก ก็ผ่านด่านทุกทีม ไม่ว่าจะเป็น แอตลิโก มาดริด, ปอร์โต้, รีล มาดริด, จนสามารถเข้าไปชิงชนะเลิศกับทีม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และเป็นฝ่ายที่ได้รับชัยชนะ คว้าแชมป์ได้เป็นผลสำเร็จ ชนิดที่ว่าแฟนบอลทีมเชลซี ก็คงไม่ได้ตั้งตัวยัง งงๆอยู่เลยว่า ได้แชมป์นี้มาได้อย่างไร แต่ถึงกระนั้นนิยามของคำว่า ความสำเร็จที่ต้องใช้เวลา อาจจะไม่ต้องเป็นเช่นนั้นเสมอไปเพราะคนอย่าง โทมัส ทูเคิ่ล ทำให้ดูแล้วว่า ตัวเค้าเองนั้นสามารถทำได้ในเวลาเพียงแค่ 4 เดือนเท่านั้น สุดท้ายก็ต้องขอแสดงความยินดีกับแฟนบอลเชลซีทุกๆคนด้วย