ตระกูลศรีวัฒนประภา แฟนฟุตบอลคนไทยโดยเฉพาะอย่างยิ่งแฟนบอลลีกอังกฤษ คงไม่มีใครที่ไม่รู้จัก นามสกุล ศรีวัฒนประภา เจ้าของสโมสร เลสเตอร์ซิตี้ ฉายาจิ้งจอกสยาม ที่กำลังโลดแล่นอยู่ในพรีเมียร์ลีกของอังกฤษในตอนนี้ โดยเฉพาะ คุณอัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ซึ่งรับไม่ต่อมาจากผู้เป็นพ่อ คุณวิชัย ศรีวัฒนประภา ผู้ล่วงลับไปในอุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์ตกนอกสนาม คิง เพาเวอร์ สเตเดียม
หลังจากที่เกิดเหตุการณ์อันน่าสลดใจในครั้งนั้น ทำให้แฟนบอลของสโมสรโศกเศร้าเสียใจเป็นอย่างมาก เพราะช่วงที่คุณวิชัยยังดำรงค์ตำแหน่งประธาน สโมสรฟุตบอล เลสเตอร์ ซิตี้ นอกจากจะพาทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก ซึ่งเป็นประวัติศาสตร์ครั้งแรกของสโมสรทั้งๆที่เพิ่งเลื่อนชั้นกลับมาเล่นพรีเมียร์ลีกเพียงแค่ ผ่านไป 1 ฤดูกาล และท่านยังได้มีความใกล้ชิดและผูกพันธ์กับบรรดากองเชียร์เป็นอย่างมาก ในช่วงเวลาสำคัญๆ คุณวิชัยมักจะให้ทีมงานแจกเครื่องดื่ม เบียร์หรือ แซนด์วิช ให้กับกองเชียร์อยู่หลายต่อหลายครั้งด้วยกัน ทำให้เป็นที่รักของบรรดากองเชียร์ทั้งหลาย
แต่เมื่อคุณอัยวัฒน์ เข้ามาดำรงค์ตำแหน่งประธานสโมสรแทน ก็ยังยึดถือแนวทางปฏิบัตินี้ สืบต่อมาจากผู้เป็นพ่อ แนวทางการทำทีมของคุณอัยวัฒน์ มีการจัดสรรอย่างเป็นระบบ ไม่เคยมีการทุ่มงบประมาณในการชื้อนักเตะอย่างพร่ำเพรื่อ แต่จะเน้นการเฟ้นหานักเตะคุณภาพในราคาที่เหมาะสม จากระบบแมวมองที่มีการเฟ้นหาได้อย่างยอดเยี่ยม นอกจากนี้คุณอัยวัฒน์ ยังมีความเป็นกันเองกับทีมงานในสโมสรทุกๆคน ไม่ว่าจะเป็น ผู้จัดการทีม, ตัวผู้เล่น, บรรดาสต๊าฟและเจ้าหน้าที่ทุกๆตำแหน่งในสโมสร และมีการหยิบยื่นโอกาสให้ทุกๆคนอยู่เสมอ จากเหตุผลเหล่านี้นั่นเองทำให้ เจมี่ วาร์ดี้ ดาวเตะศูนย์หน้า ที่พาทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก ในปี 2015-2016 ยังคงอยู่กับทีมต่อไป ทั้งๆที่ในตอนนั้น เจมี่ วาร์ดี้ ได้เตรียมที่จะเซ็นต์สัญญากับ อาร์แซน เวงเกอร์ และเตรียมตัวที่จะย้ายไปร่วมทีมอาร์เซนอลในฤดูกาล 2016 เป็นที่เรียบร้อย แต่ส่วนหนึ่งก็คงเป็นการสำนึกในบุญคุณ ของคุณวิชัยและคุณอัยวัฒน์ ที่หยิบยื่นโอกาสจนมีวันนี้มาได้ จากแข้งโนเนมที่ไม่มีใครรู้จัก จนมาได้เป็นนักเตะทีมชาติอังกฤษ และได้จับค่าจ้างในการค้าแข้งกว่า 100,000 ปอนด์/สัปดาห์ เปลี่ยนแปลงชีวิตของเค้าไปอย่างสิ้นเชิง
คุณอัยวัฒน์ เป็นนักบริหารรุ่นใหม่ที่มีหัวก้าวหน้า เค้ากล้าตัดสินใจที่จะเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับสโมสร ไม่ได้มานั่งคำนึงถึงผลประโยชน์อย่างเดียว มีการวางแผนสร้างความยั่งยืนให้กับสโมสรจนทำให้ ทีมเลสเตอร์ ซิตี้ กลายเป็นทีมชั้นนำทีมหนึ่งในพรีเมียร์ลีกมาจนทุกวันนี้ สิ่งที่เค้าทำลงไปนั้น ชาวเมืองเลสเตอร์มีภาคภูมิใจในสโมสรเป็นอย่างมาก ในตอนนี้ก็กำลังมีการสร้างศูนย์ฝึกซ้อมแห่งใหม่ โดยมีแผนที่จะทำเป็นศูนย์พัฒนานักเตะเยาวชนให้แข็งแกร่งมากขึ้น ต่อยอดการเสริมสร้างทีมในอนาคต แสดงให้เห็นถึงการที่ไม่ได้ซื้อสโมสรมาเพื่อทำกำไร
ในฐานะที่เป็นคนไทยคนหนึ่ง ก็ได้เฝ้าชื่นชมผลงานและเอาช่วยทีมเลสเตอร์ ซิตี้ อยู่เสมอ เคยคิดอยู่ว่าสักวันหนึ่ง ถ้ามีโอกาสได้ไปเที่ยวที่ประเทศอังกฤษ ก็อยากจะเข้าไปชื่นชม สโมสรฟุตบอลแห่งนี้ และคาดหวังว่าคงจะได้รับการต้อนรับที่ดีจากแฟนๆฟุตบอลในเมืองเลสเตอร์ ก็ได้แต่หวังว่า ตระกูลศรีวัฒนประภา จะยังคงรักษามาตรฐาน ในการทำทีม และพัฒนาทีมให้เป็นทีมชั้นนำในพรีเมียร์ลีกไปนานๆ
10 อันดับการเซ็นสัญญาที่คุ้มค่าของเลสเตอร์
- แคสเปอร์ ชไมเคิล ตำแหน่งผู้รักษาประตู ลูกชายของยักเดนส์ ปีเตอร์ ชไมเคิ่ล หนึ่งในตำนานทีมแมนยู โดยทีมเลสเตอร์ซิตี้ ซื้อตัวมาจากทีม นอร์ท เคาน์ตี้ ด้วยค่าตัว 1 ล้านปอนด์ ปัจจุบันแคสเปอร์ ชไมเคิล ได้รับตำแหน่งให้เป็นกัปตันทีม ของสโมสร ด้วยผลงานการลงสนามไปให้ทีม มากกว่า 400 นัด และสามารถเก็บคลีนชีทได้ 137 เกมส์ เป็นหนึ่งในนักเตะที่อยู่ในชุดคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก ในปี 2015-2016
- ริยาร์ด มาเรซ นักเตะมิดฟิลด์ตัวทำเกมส์ปีกขวา ซื้อตัวมาจาก สโมสรฮาร์ท ในปี 2014 ด้วยค่าตัว 500,000 ยูโร เป็นนักเตะคนสำคัญคนหนึ่ง ที่มีส่วนทำให้ทีมจิ้งจอกสยาม คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก ไปครองในปีนั้น ด้วยทักษะการครองบอลและผ่านบอลอย่างยอดเยี่ยม ถูกขายออกไปให้ทีมเรือใบสีฟ้า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในปี 2018 ด้วยค่าตัวถึง 67.8 ล้านยูโร ทำให้สโมสรเลสเตอร์ได้เม็ดเงินจำนวนมหาศาล เพื่อมาพัฒนาทีมต่อไปในอนาคต
- เอ็นโกโร่ ก็องเต้ ตำแหน่งกองกลางตัวรับ เป็นนักเตะที่แฟนบอลชาวไทยชื่นชอบทั้งนิสัยนอกสนามที่ถือว่าติดดินมากๆ อีกทั้งมีผลงานดีเยี่ยมมากๆ ทักษะการแย่งบอลที่มีการฟาวล์น้อยมากทั้งๆที่เป็นตัวตัดเกมส์คู่แข้ง ในปีที่เลสเตอร์ คว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก สโมสรเลสเตอร์ ซื้อตัว ก็องเต้มาจาก สโมสรก็องซ์ ในลีกฟุตบอลฝรั่งเศส มาด้วยราคา 9 ล้านยูโร ถือว่าซื้อมาได้ในราคาที่ถูกมาก ถ้าเทียบกับฟอร์มการเล่นของเค้า เพราะพอซื้อมาปุ้บก็สามารถพาทีมคว้าแชมป์ได้เลยในปีนั้น และปีต่อมาก็ถูกซื้อตัวไปร่วมทีมเชลซี ด้วยราคา 35.8 ล้าน ยูโร เป็นการซื้อตัวมาแล้วขายต่อทำกำไร มหาศาลเช่นเดียวกัน ปัจจุบัน ก็องเต้กลายเป็นนักเตะระดับโลก ตัวหลักของทีมเชลซี และทีมชาติฝรั่งเศส นักเตะคนที่ เซอร์อเล็ก เฟอร์กูสัน เอ่ยปากชื่นชอบ
- เจมี่ วาร์ดี้ ตำแหน่งกองหน้า ผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นนักเตะในตำนานคนหนึ่งของสโมสร เลสเตอร์ ซิตี้ โดยสโมสร เลสเตอร์ ซิตี้ ซื้อตัว วาร์ดี้ มาจากสโมสร ฟลีตวุดทาวน์ ซึ่งเป็นสโมสรสมัครเล่น ในระดับนอกลีกของอังกฤษ ด้วยราคา 1 ล้านปอนด์ ในปี 2012 ด้วยสายตาอันแหลมคมของแมวมอง ที่เห็นการทำประตูของวาร์ดี้ กับทีมนอกลีก นับเป็นการวัดดวงที่คุ้มค่ามากๆ เพราะวาร์ดี้เองก็ตอบแทนสโมสรด้วยการทำประตูอย่างถล่มทลาย ทั้งวิ่งเร็วยิงคมพาทีมเลสเตอร์ คว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก ครั้งแรกให้กับสโมสร อีกทั้งในปีนั้น วาร์ดี้ ยังได้รับตำแหน่งดาวยิงสูงสุด คว้ารองเท้าทองคำไปครอบครอง ซึ่งปัจจุบันวาร์ดี้ก็ยังเป็นศูนย์หน้าคนสำคัญของสโมสรเลสเตอร์ ถึงแม้ว่าตอนนี้จะมีศูนย์หน้าวัยรุ่นเข้ามาช่วยเสริมความแกร่งอีกคนนึง
- จอนนี่ อีแวนส์ หรือที่บางคนชอบเรียก เอฟวันส์ นักเตะกองหลัง ทีมชาติไอร์แลนด์เหนือ ทีมเลสเตอร์ ซื้อตัวมาจากสโมสรเวสต์บรอมวิชอัลเบียน ด้วยราคาค่าตัว 4 ล้านยูโร เดิมทีเป็นเด็กปั้นของเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ในทีมปีศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่ถูกปล่อยตัวออกมา ในยุคที่หลุย ฟัลกัล เข้าไปคุมทีม ปีศาจแดง ตอนเข้าไปอยู่ในทีมเลสเตอร์หลายๆคนคิดว่า คงไปเป็นตัวสำรอง แต่พออยู่ไปสักพัก กลับโชว์ฝีเท้าได้ดี และได้ไปยืนจับคู่กับ แฮร์รี่ แม็คไกวร์ มีส่วนช่วยผลักดันทำให้ แม็คไกวร์ กลายเป็นกองหลังที่มีค่าตัวแพงที่สุดในโลกจากการย้ายไปร่วมทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และมีส่วนสำคัญในการช่วยผลักดันกองหลังรุ่นน้อง ให้มีผลงานและมีค่าตัวสูงมากขึ้นอย่างมากมาย ถ้าดูตามสถิติจะพบว่า ในนัดไหนที่ไม่มี จอนนี่ อีแวนส์ ลงสนาม ทีมเลสเตอร์มักจะพบการพ่ายแพ้ อยู่หลายๆครั้ง จนกลายเป็นกองหลังคนสำคัญ ที่ทีมเลสเตอร์ขาดไม่ได้
- ชาคลาร์ ซูยุนซู นักเตะตำแหน่งกองหลัง ชาวตุรกี ย้ายมาร่วมทีมเลสเตอร์ ซิตี้ ในปี 2018 โดยสโมสร เลสเตอร์ ซื้อตัวมาจาก สโมสรไฟร์บวร์ก ด้วยราคาค่าตัว 21 ล้านยูโร การมาของเค้าในตอนแรกต้องมานั่งเป็นตัวสำรอง แต่หลังจากที่ แฮร์รี่ แม็คไกวร์ ย้ายไปร่วมทีม ปีศาจแดง ทำให้ ซูยุนซู ต้องลงมายืนคู่กับ เอฟวันส์ จนทำผลงานได้ดีทีเดียว ได้เป็นตัวหลักในแนวรับของทีมเลสเตอร์ ในปัจจุบันนี้ จากผลงานใน 2-3 ปีที่ผ่านมา มีทีมยักษ์ใหญ่หลายทีม ให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก สนนราคาค่าตัว น่าจะอยู่ที่เกือบ 70 ล้านยูโรเลยทีเดียว ต้องมาดูกันครับว่านักเตะคนนี้ จะอยู่กับเลสเตอร์ หรือย้ายทีมไปตอนไหน
- วิลเฟร็ด เอ็นดิดี้ นักเตะในตำแหน่ง กองกลางตัวรับ ชาวไนจีเรีย ได้ย้ายมาร่วมทีมเลสเตอร์ ในช่วงกลางฤดูกาล 2016-2017 โดยย้ายมาจาก สโมสรเกงค์ ในลีกเบลเยี่ยม ด้วยค่าตัว 17 ล้านยูโร เป็นการซื้อตัวมาเพื่อเป็นกองกลางตัวรับแทนที่ ก็องเต้ ที่ย้ายไปเชลซี ในตอนที่เสีย ก้องเต้ ไปให้กับทีมเชลซี กองหลังของทีมเลสเตอร์ทำงานหนักเอามากๆ แต่พอได้ เอ็นดิดี้ มายืนอยู่หน้าแนวรับ ทำให้แผงแนวรับทำงานได้ดียิ่งขึ้น กลายเป็นนักเตะคนสำคัญที่ซื้อมาแล้วทำผลงานให้กับทีมได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะในนัดชิงถ้วย เอฟ เอ คัพ เอ็นดิดี้ ช่วยเก็บกวาดตัวรุกฝ่ายตรงข้าม จนสามารถ คว้าแชมป์มาครองได้สำเร็จ
- เจมส์ แมดดิสัน นักเตะในตำแหน่งเพลย์เมคเกอร์ ของทีมชาติอังกฤษ สโมสรเลสเตอร์ ซื้อตัวมาจาก สโมสรนอริช ซิตี้ ในปี 2018 ด้วยค่าตัว 25 ล้านยูโร นับตั้งแต่ย้ายมา แมดดิสันทำผลงานได้ดีมากๆ ในการทำเกมส์ช่วยกองหน้าเข้าไปทำประตูฝ่ายตรงข้าม เป็นนักเตะคนสำคัญคนนึงในแนวรุกของทีมเลสเตอร์ ปัจจุบัน ก็มีทีมยักษ์ใหญ่หลายทีมให้ความสนใจที่จะคว้าตัวไปร่วมทีม โดยมีข่าวว่า ทีมอาร์เซนอล พร้อมที่จะจ่าย 60 ล้านปอนด์เพื่อคว้าตัวไปร่วมทีม ต้องมาดูกันว่า เค้าจะอยู่หรือจะย้ายทีมกันต่อไป
- ยูริ ติเลอมันส์ นักเตะในตำแหน่งกองกลาง สัญชาติเบลเยี่ยม ย้ายมาร่วมทีมเลสเตอร์ แบบยืมตัวก่อนในช่วงแรกๆ จากสโมสร โมนาโก แต่หลังจากที่ทำผลงานได้เข้าตา ก็ทำการซื้อขาดมาด้วยค่าตัว 45 ล้านปอนด์ ในปี 2019 เป็นกองกลางคนสำคัญคนหนึ่ง ที่ตอนนี้ที่ทีมเลสเตอร์ขาดไม่ได้ เพราะถ้าไม่มี ติเลอมันส์ ลงคุมเกมส์วันไหน ทีมเลสเตอร์มักจะมีปัญหาทุกครั้ง ส่วนสำคัยที่สุดคือ ในนัดชิงชนะเลิศ เอฟ เอคัฟ ตัวเค้าเองเป็นผู้ทำประตูเอาชนะทีมเชลซี และคว้าแชมป์ไปครองได้สำเร็จ
- แฮร์รี่ แม็คไกวร์ นักเตะในตำแหน่งกองหลัง ทีมชาติอังกฤษ เป็นนักเตะสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ ซื้อตัวมาร่วมทีมในปี 2017 จากสโมสร ฮัลล์ ซิตี้ ด้วยค่าตัวเพียง 12 ล้านปอนด์ ในระยะเวลา 2 ปีที่ทำผลงานได้เป็นอย่างดีให้กับทีมเลสเตอร์ ก็ถูกทีมปีศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยื่นข้อเสนอขอซื้อตัวด้วยราคา 80 ล้านปอนด์ ซึ่งจากการเซ็นต์สัญญาในครั้งนี้ เป็นการทำกำไรให้กับสโมสรเลสเตอร์ อย่างมหาศาล ทำสถิติเป็นนักเตะกองหลังที่ค่าตัวแพงที่สุดในโลก